ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องจักร หรือชิ้นงานตกแต่ง สีพ่น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมความสวยงามและภาพลักษณ์ให้ชิ้นงานเหล่านี้ดูใหม่อยู่เสมอ แต่ปัญหาที่มักจะพบได้บ่อย คือ สีพ่นซีดจางเร็ว หลุดลอก หรือมีคราบฝังแน่นจนเสียคุณภาพ ดูไม่สวยงาม ซึ่งหลายครั้งปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดมาจากวัสดุสีที่ใช้ แต่เป็นเพราะการใช้งานสีพ่น และการดูแลรักษาสีพ่นที่ไม่เหมาะสม
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักประเภทของสีพ่นยอดนิยม พร้อมเทคนิคดูแลสีพ่นอย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุสีพ่นให้เงางาม คงทน และใช้งานได้นานขึ้น
ประเภทของสีพ่นที่ควรรู้
ก่อนเริ่มดูแลสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจประเภทของสีพ่นหลัก ๆ กันก่อน เพื่อให้เห็นภาพว่าคุณสมบัติพื้นฐานของสีแต่ละประเภท อาจส่งผลต่อวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่าง
1. สี 1K (Single Component)
สีพ่น 1K เป็นสีสำเร็จรูป ไม่ต้องผสม Hardener ใช้งานง่าย แห้งเร็ว และราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับงานซ่อมเล็ก ๆ และงานที่ไม่ต้องการความทนทานสูงมากนัก
อย่างไรก็ตาม สีพ่นประเภทนี้มีความทนทานต่ำกว่าสีพ่นประเภทอื่น จึงไม่เหมาะกับงานกลางแจ้งหรือพื้นที่ที่โดนน้ำหรือโดนแดดบ่อย และต้องใส่ใจในการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนหรือการซีดจาง
2. สี 2K (Two Component)
สีพ่น 2K เป็นสีที่มีส่วนผสมของสีหลักและ Hardener เป็นฟิล์มสีที่แข็งแรง เงางาม ทนทานต่อรอยขีดข่วน สารเคมี และสภาพอากาศได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคงทนในระยะยาว จึงนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในวงการรถยนต์ และงานอุตสาหกรรมหนัก
ด้วยความทนทานสูง ทำให้การดูแลรักษาสี 2K ง่ายกว่า แต่ก็ยังต้องใส่ใจในรายละเอียดเพื่อคงความสวยงาม รวมถึงต้องใช้เครื่องมือพ่นที่เหมาะสม และมีขั้นตอนมากกว่าสี 1K
อ่านบทความที่น่าสนใจ : ความแตกต่างระหว่างสี 2K และสี 1K แตกต่างกันอย่างไร?
3. สี PU (Polyurethane)
สี PU เป็นสีที่มีความยืดหยุ่นและความทนทานสูงเป็นพิเศษ ทนทานต่อการขีดข่วน สารเคมี และสภาพอากาศได้ดีเยี่ยม มักให้ฟิล์มสีที่เรียบเนียนและมีความเงางาม ใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ งานโลหะ หรืออุตสาหกรรมหนักที่ต้องการความแข็งแรงสูง หากมีการดูแลรักษาสี PU ที่เหมาะสม จะช่วยคงความสวยงามและความทนทานที่เป็นเอกลักษณ์ของสีประเภทนี้ แต่มีราคาค่อนข้างสูง และแห้งเร็ว จึงต้องมีทักษะในการพ่น

ทำไมสีพ่นถึงเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด?
สาเหตุที่สีพ่นที่เพิ่งทำมาได้ไม่นาน แต่กลับซีดจาง หมองคล้ำ หรือหลุดร่อนอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ดูเหมือนจะใช้งานอย่างระมัดระวัง แท้จริงแล้วสาเหตุของปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากปัจจัยที่คาดไม่ถึง หรือละเลยการดูแลรักษาที่เหมาะสม โดยสาเหตุหลักที่ทำให้สีพ่นเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด มีดังนี้
โดนแสงแดดและ UV เป็นเวลานาน
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โมเลกุลของสีแตกตัว ส่งผลให้สีซีดจาง หมองคล้ำ และสูญเสียความเงางาม โดยเฉพาะสีโทนสดใสจะยิ่งไวต่อผลกระทบนี้ นอกจากนี้ ความร้อนจากแสงแดดยังทำให้พื้นผิวขยายตัวและหดตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกร้าวของชั้นสีได้
สะสมความชื้นหรือคราบน้ำโดยไม่เช็ดออก
การสะสมของคราบน้ำเป็นเวลานาน ทำให้ความชื้นแทรกซึมเข้าไปใต้ชั้นสี ทำให้สีบวม พอง หรือหลุดล่อนได้ นอกจากนี้ คราบน้ำที่ทิ้งไว้บนพื้นผิวยังอาจก่อให้เกิดคราบฝังแน่นที่ทำความสะอาดได้ยาก และทำให้สีดูไม่สดใสอีกด้วย
โดนสารเคมี คราบน้ำมัน หรือฝุ่นละอองฝังแน่น
สารเคมีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างรถที่ไม่เหมาะสม น้ำมัน จาระบี หรือแม้แต่ฝุ่นละอองที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หากสัมผัสกับพื้นผิวสีพ่นเป็นเวลานานโดยไม่ทำความสะอาด อาจทำปฏิกิริยากับชั้นสี ทำให้สีด่าง เสียหาย หรือหลุดล่อนได้ โดยเฉพาะคราบฝังแน่นจะยิ่งทำความสะอาดได้ยากและทำลายความสวยงามของสี
ใช้วัสดุทำความสะอาดที่รุนแรงหรือไม่เหมาะกับพื้นผิวสีพ่น
การเลือกใช้วัสดุทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม เช่น ผ้าเนื้อหยาบ แปรงแข็ง หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง จะสร้างความเสียหายให้กับชั้นสีได้โดยตรง ทำให้เกิดรอยขีดข่วน รอยด่าง หรือสีหลุดล่อน ควรเลือกใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและออกแบบมาสำหรับพื้นผิวสีโดยเฉพาะ
ไม่ได้บำรุงหรือเคลือบป้องกันเป็นประจำ
การละเลยการบำรุงรักษาและการเคลือบป้องกันสีพ่นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สีไม่มีเกราะป้องกันจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ การเคลือบสีด้วยแว็กซ์หรือผลิตภัณฑ์เคลือบสีอื่น ๆ จะช่วยสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ ปกป้องสีจากรังสี UV สิ่งสกปรก และรอยขีดข่วนเล็กน้อย ช่วยยืดอายุการใช้งานของสีได้

วิธีดูแลสีพ่น หมดปัญหาสีเสื่อมสภาพเร็ว ยืดอายุการใช้งาน
คุณสามารถนำวิธีดูแลสีพ่นเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อให้ผิวสีพ่นยังคงสวย เงางาม และทนเหมือนใหม่
1. ล้างคราบสิ่งสกปรกทันที
อย่าปล่อยให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ อย่างฝุ่น คราบน้ำมัน ความชื้น หรือคราบน้ำสะสมบนพื้นผิวสีเป็นเวลานานเกินไป จนกลายเป็นคราบฝังแน่นฝังแน่น ควรใช้น้ำเปล่าหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับพื้นผิวสีพ่น
2. ทำความสะอาดอย่างถูกวิธีและอ่อนโยน
หลีกเลี่ยงผ้าหยาบ หรือฟองน้ำที่มีความสาก ควรจะใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ ร่วมกับการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจะดีที่สุดสำหรับการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ลงสีพ่น
3. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและความร้อนโดยตรง
แสง UV เป็นตัวการหลักในการทำลายผิวสีพ่น หากสามารถหลบแดดได้ จึงควรเลือกจอดรถหรือเก็บสิ่งของที่พ่นสีไว้ในที่ร่มให้ได้มากที่สุด หรือใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้
4. บำรุงรักษาและเคลือบป้องกันเป็นประจำ
เคลือบสีด้วยแว็กซ์หรือผลิตภัณฑ์เคลือบสีอื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มการปกป้องทั้งคราบน้ำและคราบฝุ่น รวมถึงรักษาความเงางาม นอกจากนี้ ควรขัดสีเป็นครั้งคราว เพื่อลบรอยขนแมว รอยหมุน และฟื้นฟูความเงางามของสี โดยใช้น้ำยาขัดสีและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
5. ตรวจเช็กพื้นผิวที่พ่นสีเป็นประจำ
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี เช่น สีซีดจาง มีรอยแตกร้าว หรือความเงางามลดลง เพื่อวางแผนการบำรุงรักษาที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที หากพบรอยขีดข่วนหรือหลุดลอกเล็ก ๆ ให้รีบซ่อมเฉพาะจุดก่อนลุกลาม โดยอาจใช้สี 1K หรือสเปรย์สีพ่นเฉพาะจุดก็เป็นตัวช่วยที่ดี และหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ จะช่วยขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจทำลายสีในระยะยาวได้

เลือกสีพ่นที่ดีและดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อความสวยงามอย่างยาวนาน
การดูแลรักษาสีพ่นอย่างถูกวิธีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย และทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าสีพ่นที่คุณเลือกใช้จะเป็นสี 1K, 2K หรือ PU การทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน การปกป้องจากปัจจัยเสี่ยง และการบำรุงรักษาตามระยะ จะช่วยให้สีสวยงาม สดใส และยืดอายุการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ให้สีพ่นคงความเงางามและทนทานไปได้อีกหลายปี
หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเครื่องพ่นสีที่ครบวงจร บริษัท อินเทค จำกัด เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการที่คุณสามารถไว้วางใจได้ เรามีสินค้าและบริการที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ และช่วยยกระดับมาตรฐานงานพ่นสี ให้ทนทาน สวยงาม และพร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นใจ