ความหนาสี คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
ก่อนที่จะไปดูความสำคัญของเครื่องวัดความหนาสีเหล็ก ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหนาสี หรือ Dry Film Thickness (DFT) กันก่อน ซึ่งความหนาสี คือความหนาของชั้นสีที่แห้งแล้วบนพื้นผิวโลหะเหล็ก เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกได้ว่า คุณภาพงานพ่นสีได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะความหนาสีที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในหลายปัจจัย ดังนี้
- ป้องกันการกัดกร่อน สีที่มีความหนาตามมาตรฐานจะช่วยปกป้องผิวเหล็กจากการสัมผัสกับความชื้น อากาศ รวมถึงสารเคมีที่ทำให้เกิดสนิมและการกัดกร่อน
- ยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างเหล็ก ความหนาสีที่เหมาะสมช่วยให้ผิวเหล็กทนทานต่อสภาพแวดล้อมและแรงกระแทกได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการซ่อมบำรุง สีที่มีคุณภาพและความหนาถูกต้องทำให้ลดการลอกหลุดและความเสียหาย ทำให้งานซ่อมบำรุงน้อยลง
- รักษามาตรฐานคุณภาพ สอดคล้องกับข้อกำหนดและข้อบังคับของลูกค้า อุตสาหกรรม และหน่วยงานกำกับดูแล
ดังนั้น เพื่อให้ทราบถึงความหนาของสีบนผิวเหล็กว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ การตรวจสอบความหนาสีบนเหล็กจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เช่นเดียวกับขั้นตอนอื่น ๆ ในงานพ่นสี
อ่านบทความที่น่าสนใจ: หมดปัญหาสีหลุดพอง! ด้วยเครื่องตรวจความหนาสี ให้งานพ่นสีไม่มีพลาด
ประเภทเทคโนโลยีของเครื่องวัดความหนาสีบนเหล็ก
เครื่องวัดความหนาสีบนเหล็ก หรือ Coating Thickness Gauge มีหลายประเภทแบ่งตามเทคโนโลยีหลักที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม โดยขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะและคุณสมบัติพื้นผิว ดังนี้
เทคโนโลยี | เหมาะกับวัสดุ | หลักการทำงาน | ข้อดี | ข้อจำกัด |
Magnetic Induction (แม่เหล็ก) | โลหะแม่เหล็ก เช่น เหล็กกล้า | ใช้การเหนี่ยวนำแม่เหล็กวัดระยะระหว่างโพรบกับโลหะ | วัดรวดเร็ว แม่นยำ ทนทาน ใช้ง่าย | ใช้ได้เฉพาะโลหะแม่เหล็ก |
Eddy Current (กระแสไหลวน) | โลหะไม่เป็นแม่เหล็ก เช่น อะลูมิเนียม, สแตนเลส | ส่งสนามแม่เหล็กสลับเกิดกระแสไหลวนเพื่อคำนวณระยะของชั้นสี | ไม่ทำให้พื้นผิวเสียหาย วัดเร็ว แม่นยำ | ใช้กับโลหะไม่ใช่แม่เหล็กเท่านั้น |
Ultrasonic (อัลตราโซนิก) | วัสดุหลายประเภท รวมถึงชั้นสีหลายชั้น | ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงทะลุผ่านชั้นสีแล้วสะท้อนกลับ | วัดความหนาหลายชั้นได้ ไม่ทำลายผิว | ราคาสูง ต้องฝึกอบรมการใช้งาน |
วิธีเลือกเครื่องวัดความหนาสีบนผิวเหล็กให้เหมาะกับงาน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้งานเครื่องวัดความหนาสีเหล็ก พร้อมทั้งช่วยให้งานพ่นสีเรียบติดทนนาน การเลือกใช้ให้เหมาะกับงานเป็นเรื่องสำคัญ โดย 5 วิธีต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องตรวจสอบความหนาสีได้แม่นยำมากขึ้น
1. ตรวจสอบชนิดวัสดุโลหะ
เลือกจากชนิดโลหะ เช่น ตรวจความหนาสีบนเหล็กกล้าหรือโลหะแม่เหล็ก ควรเลือกเครื่องวัดความหนาสีแบบ Magnetic Induction ส่วนอะลูมิเนียมหรือสแตนเลส ควรเลือกเครื่องวัดแบบ Eddy Current หรือเครื่องที่รองรับได้ทุกวัสดุ
2. ตรวจสอบค่าความแม่นยำ
ควรเลือกเครื่องวัดที่มีความแม่นยำในระดับ +/- 1-2 ไมครอน หรือตามมาตรฐานที่ต้องการ เลือก Coating Thickness Gauge ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น ISO, SSPC, ASTM
3. ฟังก์ชันการบันทึกและส่งต่อข้อมูล
เลือกเครื่องที่มีความสามารถในการบันทึกข้อมูลและเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, USB หรือ Wi-Fi เพื่อความสะดวกในการจัดทำรายงานและตรวจสอบคุณภาพที่รวดเร็ว
4. ความทนทานและการใช้งานภาคสนาม
เลือกเครื่องที่ออกแบบมาพร้อมคุณสมบัติที่ทนต่อฝุ่น น้ำ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงได้ดี
5. รองรับการปรับเทียบ
เลือกเครื่องที่สามารถปรับเทียบได้ง่าย ทั้งการปรับเทียบมาตรฐานและการปรับเทียบตามลักษณะของชิ้นงาน เพื่อลดความคลาดเคลื่อนในการวัด
แนะนำเครื่องวัดความหนาสีเหล็ก Defelsko
บริษัท อินเทค จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องวัดความหนาสีคุณภาพสูงจากแบรนด์คุณภาพอย่าง Defelsko ที่มีความแม่นยำ และตรวจวัดค่าความหนาสีได้ตามมาตรฐาน กับ 2 รุ่น ดังนี้
PosiTector® 6000
เครื่องวัดความหนาสีแบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ผลิตจากวัสดุที่ทนทาน สามารถใช้ตรวจสอบความหนาสีเหล็กได้ทุกรูปแบบ มีความแม่นยำสูง และตรวจวัดได้รวดเร็ว โดยจุดเด่นของ PosiTector® 6000 ได้แก่
- รองรับทั้ง Magnetic Induction และ Eddy Current ใช้ได้ทั้งกับเหล็กกล้าและโลหะไม่เป็นแม่เหล็ก
- อ่านค่าได้รวดเร็วและแม่นยำด้วยโหมด Fast measurement พร้อมหน้าจอดิจิทัลแบบสีที่แสดงผลชัดเจน
- ฟังก์ชันการเชื่อมต่อครบครัน Bluetooth และ USB สำหรับส่งข้อมูล QC ได้ทันที
- ผ่านมาตรฐานสากล ISO และ ASTM เหมาะสำหรับงานที่ต้องการเอกสารรับรองคุณภาพ
- ทนทานต่อสภาพอากาศ ออกแบบมาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทางทะเล ปิโตรเคมี ก่อสร้าง และงานภาคสนาม ด้วยมาตรฐาน IPS65
- มีฟังก์ชันชดเชยอุณหภูมิช่วยให้ผลการตรวจสอบความหนาสีมีความแม่นยำ
- สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อให้ตัวเครื่องมีฟังก์ชันที่อัปเดตใหม่อยู่เสมอ
ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้ PosiTector® 6000 จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องเดียวใช้ได้กับงานพ่นสีบนผิวเหล็กและโลหะหลากชนิด พร้อมความแม่นยำระดับมืออาชีพ
ดูรายละเอียดเครื่องวัดความหนาสีเหล็กเพิ่มเติมได้ที่ : PosiTector® 6000
PosiTest® DFT
เครื่องตรวจสอบความหนาสีรุ่นประหยัด เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นการใช้งานแต่ยังคงต้องการความแม่นยำและคุณภาพจากการตรวจสอบความหนาสีตามมาตรฐาน ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย พร้อมด้วยจุดเด่น ดังนี้
- การวัดต่อเนื่อง 60 ครั้ง/นาที
- ฟังก์ชันปรับเทียบได้ 1 จุด เพื่อการใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อน
- เซนเซอร์ดีไซน์แบบ V-groove เพื่อรองรับการใช้งานบริเวณที่มีส่วนโค้ง
- หน้าจอแสดงผลแบบสีที่มีความคมชัดสูง
เทคนิคการวัดความหนาสีให้ได้ค่าถูกต้อง
สำหรับการใช้เครื่องวัดความหนาสีบนเหล็กเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้อง นอกจากการเลือกเครื่องวัดที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว ยังสามารถเพิ่มความแม่นยำได้ด้วยเทคนิคต่อไปนี้
- วัดหลายจุด ควรทำการวัดอย่างน้อย 3-5 จุด ต่อบริเวณหนึ่งเพื่อหาค่าเฉลี่ยและลดความคลาดเคลื่อน
- ปรับเทียบเครื่องก่อนใช้งาน ทำการปรับเทียบตามคู่มือของเครื่องหรือมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ค่าการวัดเชื่อถือได้
- เลือกหัวโพรบให้เหมาะสม ควรเลือกตามลักษณะพื้นผิว เช่น ผิวเรียบ ผิวโค้ง หรือพื้นผิวแคบ
- ควบคุมสภาพแวดล้อม ก่อนวัดค่าความหนาสีควรตรวจสอบสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้นของพื้นที่วัด ควรอยู่ในช่วงที่เครื่องแนะนำเพื่อการวัดที่เสถียร
- บันทึกและจัดเก็บข้อมูล เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบคุณภาพและจัดทำรายงานต่อไป
เลือกเครื่องวัดความหนาสีที่เหมาะสม เพื่อคุณภาพงานพ่นสีที่ยั่งยืน
การวัดความหนาสีบนผิวเหล็กเป็นขั้นตอนสำคัญของงานพ่นสีอุตสาหกรรม เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพ ความทนทาน และต้นทุนการผลิต การเลือกเครื่องวัดความหนาสีที่เหมาะสมและปฏิบัติตามวิธีการวัดอย่างถูกต้อง จะช่วยให้งานพ่นสีมีมาตรฐาน ป้องกันปัญหาสนิม และยืดอายุการใช้งานได้ในระยะยาว
หากไม่แน่ใจว่าควรเลือกเครื่องวัดความหนาสีบนผิวเหล็กรุ่นไหนดี หรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน เพื่อให้ได้เครื่องวัดความหนาสีที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลในการใช้งานจริง สามารถสอบถามกับ ทีมงานอินเทค เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและเลือกอุปกรณ์ที่ตรงกับความต้องการได้ทันที โดยสามารถติดต่อได้ทาง Line: integth หรือโทร 098-798-8539
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องวัดความหนาสี (FAQ)
Q : ทำไมต้องวัดความหนาสีบนผิวเหล็ก?
A : การวัดช่วยยืนยันว่าการพ่นสีได้ความหนาตามมาตรฐาน ป้องกันสนิมและยืดอายุการใช้งานของพื้นผิว
Q : ควรวัดกี่จุดเพื่อให้ค่าแม่นยำ?
A : ควรวัดอย่างน้อย 3–5 จุดต่อพื้นที่ และใช้ค่าเฉลี่ยเป็นผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้
Q : เครื่องวัดความหนาสีจาก Integ ผ่านมาตรฐานอะไรบ้าง?
A: เครื่องจาก Defelsko เช่น PosiTector 6000 ผ่านมาตรฐานสากล ISO, SSPC และ ASTM ทำให้ใช้ได้กับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการเอกสารรับรอง
Q : เลือกรุ่นไหนถ้าอยากได้เครื่องเดียวใช้ได้กับทุกงาน?
A : PosiTector 6000 เป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมเพราะรองรับทั้ง Magnetic และ Eddy Current ใช้ได้กับทั้งเหล็กและสแตนเลส