บริษัท อินเทค จำกัด | INTEG CO.,LTD

วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์

เวลา : 09.00 - 17.00 น.

เทคนิคตรวจสอบคุณภาพงานพ่นสี! คู่มือ QC เพื่อการพ่นสีที่ได้มาตรฐาน

งานพ่นสีเป็นเกราะป้องกันสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม

ในภาคอุตสาหกรรม งานพ่นสีไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ขั้นตอนการพ่นสีเป็น เกราะป้องกันสำคัญที่ช่วยยับยั้งความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การลงทุนในระบบสีที่มีคุณภาพและการควบคุมคุณภาพ (QC) ที่เข้มงวด จึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและลดต้นทุนมหาศาลในระยะยาว

ยกตัวอย่างบทเรียนราคาแพงจากเหตุการณ์จริง ในกรณีท่อส่งน้ำมันของบริษัท Enbridge รั่วไหลในแม่น้ำ Kalamazoo เมื่อปี 2010 ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสาเหตุหลักของโศกนาฏกรรมครั้งนั้นมาจาก สารเคลือบเทป PE ที่เสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวท่อสัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรง จนเกิดปรากฏการณ์ Corrosion Fatigue หรือความล้าจากการกัดกร่อน และนำไปสู่การรั่วไหลอย่างรุนแรง

จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องย้ำเตือนอย่างชัดเจนว่า การควบคุมคุณภาพ หรือการ QC ที่พิถีพิถัน และการเลือกใช้วัสดุเคลือบที่เหมาะสม มีผลกระทบโดยตรงต่อทั้งความปลอดภัยในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : Firm Blamed In The Costliest Onshore Oil Spill Ever

การตรวจสอบคุณภาพงานพ่นสี คืออะไร?

QC (Quality Control) ในงานพ่นสีอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่การตรวจดูว่าพ่นสีเสร็จแล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงามหรือไม่ แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้งานพ่นสีนั้น ๆ ปกป้องพื้นผิวได้จริง ทนทานจริง และได้มาตรฐานจริง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของชิ้นงานและความปลอดภัยในระยะยาว

ยกตัวอย่างเช่น งานพ่นสีบนถังเก็บสารเคมี เรือเดินสมุทร หรือโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ หากไม่มีการตรวจสอบคุณภาพงานพ่นสีที่รัดกุม สีที่พ่นลงไปอาจหลุดล่อนภายในเวลาไม่กี่เดือน เกิดสนิม กระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง หรือรั่วซึมจนเกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้

ทำไมการ QC งานพ่นสีถึงสำคัญ?

  1. ยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง
    งานพ่นสีที่ผ่านการ QC จะมั่นใจได้ว่า สีสามารถยึดเกาะพื้นผิวได้ดี มีความหนาเพียงพอ และมีการเตรียมผิวอย่างเหมาะสม ทำให้พื้นผิวไม่เกิดสนิมก่อนเวลาอันควร
  2. ลดต้นทุนระยะยาว
    แม้การ QC จะเพิ่มต้นทุนในช่วงแรก แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือพ่นสีใหม่ในอนาคต ซึ่งมักจะมีต้นทุนสูงกว่าเดิมหลายเท่า
  3. ป้องกันความเสียหายรุนแรง
    งานพ่นสีที่ไม่ได้มาตรฐานไม่สามารถปกป้องผิวโลหะให้ดีได้เท่าที่ควร จึงอาจทำให้เกิดการรั่วซึม การกัดกร่อน หรือแม้แต่ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีรั่วไหลจากถังเก็บ
  4. สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้รับเหมาและเจ้าของงาน
    การตรวจสอบและรายงานผล QC ที่เป็นระบบ จะช่วยให้เจ้าของโครงการมั่นใจว่างานได้มาตรฐาน
  5. เป็นข้อกำหนดของหลายมาตรฐานสากล เช่น SSPC, ISO, NACE
    โครงการใหญ่ทั้งในภาครัฐและเอกชน มักระบุให้มี Certified Coating Inspector และเครื่องมือวัดคุณภาพ เช่น เครื่องมือวัดความหนาสี เข้ามาใช้ในกระบวนการ

อ่านบทความที่น่าสนใจ : หมดปัญหาสีหลุดพอง! ด้วยเครื่องตรวจความหนาสี ให้งานพ่นสีไม่มีพลาด

เครื่องมือวัดความหนาสี สำคัญต่อการตรวจสอบคุณภาพงานพ่นสี

แล้ว Certified Coating Inspector คือใคร?

Certified Coating Inspector คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบงานพ่นสีที่ได้รับการรับรองจากองค์กรระดับสากล เช่น SSPC และ AMPP ซึ่งมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพ ตั้งแต่

  • ตรวจสอบความหนาของชั้นสี (Dry Film Thickness)
  • ตรวจสอบการเตรียมผิวและวิธีพ่นสี
  • ตรวจคุณภาพสภาพแวดล้อมหน้างาน เช่น ความชื้น อุณหภูมิ จุดน้ำค้าง
  • บันทึกและรายงานผล QC อย่างเป็นระบบ

ปัจจุบันในประเทศไทย ผู้ที่มีใบรับรอง Certified Coating Inspector โดยเฉพาะระดับ 2 หรือ 3 ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้พวกเขาเหล่านี้เป็นบุคลากรที่ได้รับการยอมรับสูงในสายงาน และมีความต้องการในตลาดอย่างต่อเนื่อง โครงการขนาดใหญ่ทั้งในภาครัฐและเอกชนจึงมักระบุไว้ชัดเจนใน TOR หรือเอกสารสเปคงานว่า ต้องมี Certified Coating Inspector ควบคุมคุณภาพหน้างาน

หากคุณเป็นวิศวกรควบคุมงาน ช่างพ่นสี หรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานงานพ่นสีให้ทัดเทียมระดับสากล การมี Certified Coating Inspector อยู่ในทีมไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ยังเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านงานโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจใบรับรอง Certified Coating Inspector สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ AMPP Thailand

​​มาตรฐาน SSPC คืออะไร?

SSPC (Society for Protective Coatings) คือ มาตรฐานสากลที่ใช้ควบคุมคุณภาพงานพ่นสีอุตสาหกรรม เช่น การพ่นสีเหล็ก ถัง สะพาน หรือโครงสร้างที่ต้องทนสภาพแวดล้อมรุนแรง โดยมาตรฐานนี้ครอบคลุมตั้งแต่

  • การเตรียมผิว เช่น การพ่นทราย
  • การเลือกสีและวิธีพ่น
  • การตรวจสอบคุณภาพหลังพ่น เช่น วัดความหนาฟิล์มสี

มาตรฐาน SSPC ช่วยให้งานพ่นสีมีความน่าเชื่อถือ ยืดอายุการใช้งาน ลดปัญหาสีหลุดลอกหรือเกิดสนิมก่อนเวลาอันควร ได้ตามมาตรฐานสากล

ตัวอย่างมาตรฐานที่ใช้บ่อย

  • SSPC-SP10: การพ่นทรายแบบสะอาดมาก (Near-white blast)
  • SSPC-PA 2: วิธีวัดความหนาสีแห้ง (DFT)
  • SSPC-VIS 1: คู่มือเปรียบเทียบสภาพผิวก่อนพ่นสี

8 ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพของงานพ่นสีแบบช่างมืออาชีพ

งานพ่นสีอุตสาหกรรมมีความละเอียดและซับซ้อนกว่าการทาสีทั่วไป หากข้ามไปเพียงขั้นตอนเดียว อาจทำให้งานพ่นสีล้มเหลวทั้งระบบได้เลยทีเดียว ดังนั้น จึงต้องควบคุมคุณภาพงานพ่นสีอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแต่ละขั้นตอนผ่านมาตรฐานและสเปคที่กำหนดไว้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

 1. ตรวจสอบสภาพผิวเหล็กก่อนการเตรียมผิว

การตรวจสอบสภาพพื้นผิว เป็นการตรวจสอบเพื่อหาจุดที่ต้องกำจัดสิ่งปนเปื้อนและตำหนิบนผิวเหล็กที่เป็นอุปสรรคต่อการเตรียมผิวและการยึดเกาะของสี หากข้ามขั้นตอนนี้ไป แม้จะเตรียมผิวดีแค่ไหนก็อาจเกิดปัญหาได้

  • ตรวจสอบว่าพื้นผิวเหล็กไม่มีคราบน้ำมัน จาระบี หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ
  • ตรวจหาสะเก็ดเชื่อมหรือขอบคมที่อาจทำให้สีติดไม่ดี
  • ใช้มาตรฐานเช่น SSPC-SP1 (การล้างด้วยตัวทำละลาย), AWS D1.1 และ ISO 8501-1 เป็นแนวทาง

Hold Point: หยุดรอการตรวจสอบก่อนเริ่มเตรียมผิว

2. การเตรียมพื้นผิว

การเตรียมพื้นผิวถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของงานพ่นสี เพราะมีผลโดยตรงต่อการยึดเกาะของสี หากผิวไม่สะอาดหรือไม่มีความหยาบที่เหมาะสม (Surface Profile) สีจะหลุดลอกได้ง่ายแม้ใช้สีคุณภาพสูง

  • ทำความสะอาดผิวเหล็กด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การพ่นทรายให้ได้ความสะอาดตามมาตรฐาน SSPC-SP10 (สะอาดเกือบขาว) หรือ SSPC-SP6 (สะอาดเชิงพาณิชย์)
  • ตรวจวัดโปรไฟล์ด้วยเครื่องวัดความหยาบของพื้นผิว ให้ได้ความลึก 50–100 ไมครอน
  • ตรวจสอบฝุ่นและสารปนเปื้อนอย่างค่าเกลือที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดสนิมภายหลังการพ่นสี ด้วยเครื่องวัดค่าเกลือ

Hold Point: หยุดรอการตรวจสอบก่อนพ่นสีรองพื้น

ใช้เครื่องวัดจุดน้ำค้าง ตรวจสภาพแวดล้อมในงานพ่นสี

3. ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนและระหว่างทาสี

เพื่อให้แน่ใจว่าการทาสีและการแห้งตัวของสีเกิดขึ้นในสภาวะที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟิล์มสีบกพร่องที่เกิดจากอุณหภูมิและความชื้น

  • วัดอุณหภูมิของผิวเหล็กและอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ (RH) และจุดน้ำค้าง (Dew Point) ด้วยเครื่องวัดจุดน้ำค้าง
  • ตรวจสอบให้ผิวเหล็กอุ่นกว่าจุดน้ำค้างอย่างน้อย 3°C เพื่อป้องกันการเกิดหยดน้ำหรือความชื้นในฟิล์มสี

Hold Point: ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนเริ่มพ่นสีในแต่ละวัน

4. การทารองพื้น

เป็นขั้นตอนการทาสีรองพื้นภายในเวลาที่กำหนดหลังการเตรียมผิว (induction time / re-coat window) เพื่อให้เกิดการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมกับพื้นผิว และเป็นรากฐานของระบบสีทั้งหมด

Hold Point: ตรวจสอบความหนาและคุณภาพของรองพื้นก่อนทาชั้นถัดไป

​​อ่านบทความที่น่าสนใจ : สีกันสนิมมีแบบไหนบ้าง? เลือกใช้ให้ถูกกับงาน ยืดอายุวัสดุได้ยาวนาน

ขั้นตอนการทาสีให้ได้มาตรฐาน sspc

5. การทาชั้นกลางหรือชั้นทับหน้า

ทาสีชั้นกลางหรือชั้นทับหน้าเพื่อให้ได้ความหนารวมของระบบสีตามที่ระบุ และเพื่อให้ได้คุณสมบัติด้านความทนทานต่อสภาพแวดล้อม การกัดกร่อน และความสวยงามตามที่ต้องการ

  • ตรวจสอบความสะอาดของพื้นผิวก่อนทาชั้นใหม่
  • ใช้อัตราส่วนผสมและวิธีการทาที่ถูกต้อง
  • วัดความหนาของฟิล์มแห้ง (DFT) รวมให้ได้ตามมาตรฐาน
  • ตรวจสอบการยึดเกาะระหว่างชั้นสี หากระบุไว้ในสเปค

Hold Point: ตรวจสอบความหนาและคุณภาพหลังทาชั้นสีทุกชั้น

6. การตรวจสอบความหนาฟิล์มแห้ง (DFT)

ตรวจสอบความหนาของฟิล์มแห้งว่าความหนารวมของระบบสีทั้งหมด (Primer + Intermediate + Topcoat) ตรงตามข้อกำหนดที่ระบุในสเปค เพื่อให้สีมีประสิทธิภาพการป้องกันที่เพียงพอ

  • วัดค่า DFT หลายจุดในพื้นที่ที่กำหนด ด้วยเครื่องวัดความหนาสีตามพื้นผิววัสดุ เช่น Defelsko Positector 6000 และ Defelsko Positector 200
  • ยืนยันว่าค่าเฉลี่ยและค่าสูงสุด/ต่ำสุดอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ตามมาตรฐาน เช่น SSPC-PA2 หรือ ISO 19840

Hold Point: ยืนยันความหนารวมก่อนส่งมอบงาน

ตรวจความแข็งวัสดุที่ไม่ใช่โลหะก่อนนำไปใช้งาน

7. การตรวจสอบการแห้ง/การเซตตัว

เป็นการตรวจสอบว่าสีแห้งและแข็งตัวเพียงพอก่อนนำโครงสร้างไปใช้งาน เคลื่อนย้าย หรือทับถม ซึ่งจะป้องกันความเสียหายต่อฟิล์มสีหรือไม่

Hold Point: ยืนยันว่าสีแห้งและเซตตัวเต็มที่ก่อนใช้งานหรือเคลื่อนย้าย

8. การตรวจสอบขั้นสุดท้าย (Final Inspection)

ตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบสีโดยรวม และยืนยันความพร้อมใช้งานของโครงสร้าง

Hold Point: อนุมัติขั้นสุดท้ายก่อนส่งมอบงาน

นอกจากนี้ เพื่อให้ระบบงานมีมาตรฐาน อาจจัดรวมเอกสารเป็นชุด โดยบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ 

  • รายการสี ระบบ และหมายเลขล็อต
  • บันทึกข้อมูลสภาพแวดล้อม
  • บันทึกการสอบเทียบเครื่องมือ
  • รายงานการตรวจสอบและแบบฟอร์มที่ลงนามรับรอง

รายงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ใช้ตรวจสอบภายในเท่านั้น แต่ยังใช้ประกอบการส่งมอบงานหรือใช้เป็นหลักฐานยืนยันคุณภาพต่อเจ้าของโครงการได้อีกด้วย

งานพ่นสีที่มีคุณภาพ เริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพอย่างมืออาชีพ

งานพ่นสีในอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการปกป้องพื้นผิวจากความเสียหายและสนิมในระยะยาว ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจขั้นตอน มาตรฐานที่แม่นยำ และการตรวจสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขั้นตอนการพ่นสีอย่างมีระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพื้นผิว การเลือกสี และอุปกรณ์พ่นที่เหมาะสม ไปจนถึงการตรวจวัดหลังพ่น ทั้งหมดนี้คือกระบวนการที่เชื่อมโยงกันเพื่อให้ได้งานสีที่มีคุณภาพสูงสุด

ยิ่งไปกว่านั้น หากมี Certified Coating Inspector หรือทีม QC ที่ชำนาญ สามารถใช้เครื่องมือวัดอย่างถูกต้อง ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่างานจะออกมาตรงสเปกและทนทานจริง ช่วยเปลี่ยนงานพ่นสีของคุณจากงานสีทั่วไปให้กลายเป็นงานสีที่มีคุณภาพ

หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์พ่นสี และเครื่องมือสำหรับตรวจสอบคุณภาพงานพ่นสีให้ได้มาตรฐาน บริษัท อินเทค จำกัด พร้อมให้คำปรึกษาและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ครบชุด ทั้งเครื่องพ่นสี และเครื่องวัด QC ที่รองรับมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ทุกงานพ่นสีของคุณออกมาสวยงาม ทนทาน และได้มาตรฐาน SSPC

Share :

Facebook
Email
X

บทความที่เกี่ยวข้อง

สินค้าของเรา

อุปกรณ์พ่นทราย
อุปกรณ์พ่นสี
เครื่องมือวัด QC
ทรายพ่น
ชุด PPE

เลือกอ่าน