บริษัท อินเทค จำกัด | INTEG CO.,LTD

098-798-8539

Integ_04@integ.co.th

วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์

เวลา : 09.00 - 17.00 น.

สีกันไฟ หรือสีกันไฟโครงสร้างเหล็กคืออะไร? และเทคนิคปกป้องโครงสร้างจากเพลิงไหม้ที่คุณควรรู้

ในงานก่อสร้างที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย การป้องกันเพลิงไหม้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างอาคารคือการใช้ สีกันไฟ ซึ่งเป็นเทคนิคที่สามารถป้องกันความเสียหายจากไฟและช่วยลดการลุกลามของเพลิง

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสีกันไฟ ประเภทของสีกันไฟ และวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสม เพื่อปกป้องโครงสร้างจากความเสียหายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน  

สีกันไฟ หรือสีกันไฟโครงสร้างเหล็ก คืออะไร?

สีกันไฟ (Fireproof Paint) หรือ สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก คือสีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟและลดความเสียหายที่เกิดจากความร้อนสูงเมื่อเกิดเพลิงไหม้ โดยสีกันไฟจะช่วยปกป้องโครงสร้างสำคัญ เช่น โครงเหล็กและโครงสร้างอื่นๆ ที่ไวต่อไฟ ช่วยยืดเวลาให้โครงสร้างเหล่านี้คงทนทานต่อความร้อน ทำให้มีเวลาในการอพยพผู้คนและควบคุมเพลิงได้มากขึ้น

ประเภทของสีกันไฟ

สีกันไฟสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามการทำงานและคุณสมบัติของสี

1. สีกันไฟชนิดพองตัว (Intumescent Paint)  

เมื่อได้รับความร้อนจากไฟ สีกันไฟชนิดนี้จะเกิดการพองตัวและขยายตัวขึ้น ทำให้เกิดชั้นป้องกันที่หนาและช่วยลดการส่งผ่านความร้อนจากไฟไปยังโครงสร้างที่อยู่ด้านล่าง โดยชั้นที่พองตัวนี้จะทำหน้าที่เหมือนฉนวนกันไฟ

2. สีกันไฟชนิดไม่พองตัว (Non-Intumescent Paint) 

เป็นสีกันไฟที่ไม่พองตัวเมื่อเจอความร้อน แต่มีคุณสมบัติในการป้องกันการลุกลามของไฟโดยการลดการติดไฟของวัสดุที่ทาสีนี้ลงไป โดยสีชนิดนี้มักใช้กับวัสดุที่ไม่ไวไฟมาก เช่น คอนกรีต

วิธีการเลือกใช้งานสีกันไฟ

วิธีการเลือกใช้งานสีกันไฟ

การเลือกใช้งาน สีกันไฟ เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการปกป้องโครงสร้างของอาคารจากการเกิดเพลิงไหม้ การเลือกสีกันไฟให้เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสียหายต่อโครงสร้าง แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในอาคารได้อย่างมาก การเลือกใช้งานสีกันไฟต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้

1. พิจารณาประเภทของโครงสร้างที่ต้องการป้องกัน

ประเภทของโครงสร้างเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกสีกันไฟ โครงสร้างที่นิยมใช้สีกันไฟ ได้แก่

  • โครงสร้างเหล็ก โครงสร้างเหล็กมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียความแข็งแรงเมื่อเจอความร้อนจากไฟ สีกันไฟชนิดพองตัว (Intumescent Paint) มักใช้กับโครงเหล็กเนื่องจากเมื่อเกิดเพลิงไหม้ สีจะพองตัวและสร้างชั้นป้องกันที่ช่วยลดความร้อนและยืดเวลาที่เหล็กสามารถทนต่อความร้อนได้
  • คอนกรีต สำหรับคอนกรีตที่มีความทนทานอยู่แล้ว การใช้สีกันไฟชนิดไม่พองตัว (Non-Intumescent Paint) อาจเพียงพอ เนื่องจากสีชนิดนี้ช่วยลดการติดไฟและลดการลุกลามของไฟได้ดี

2. พิจารณาระดับการป้องกันไฟที่ต้องการ

การพิจารณาระดับการป้องกันไฟที่ต้องการขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของอาคาร เช่น

  • อาคารสูง ต้องการสีกันไฟที่มีการรับรองระดับสูงในการป้องกันไฟ และควรใช้สีกันไฟที่ผ่านมาตรฐานสากล
  • โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดเพลิงไหม้ควรใช้สีกันไฟชนิดพองตัวเพื่อเพิ่มเวลาในการต้านทานความร้อนและการลุกลามของไฟ
  • ที่พักอาศัย อาคารที่พักอาศัยทั่วไปสามารถเลือกใช้สีกันไฟที่มีระดับการป้องกันไฟปานกลาง เพื่อป้องกันการเกิดไฟลุกลามจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ

3. ประเมินสภาพแวดล้อมของการใช้งาน

สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดเพลิงไหม้ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรืออาคารที่มีการเก็บสารเคมีไวไฟ ควรใช้สีกันไฟที่สามารถทนต่อความร้อนได้สูงและมีระยะเวลาป้องกันไฟที่นานขึ้น โดยพิจารณาว่าสภาพแวดล้อมจะส่งผลต่อการทำงานของสีกันไฟหรือไม่ เช่น ความชื้นสูง การสัมผัสกับสารเคมี หรืออุณหภูมิที่ผันผวน

4. พิจารณาอายุการใช้งานของสีกันไฟ

ควรเลือกใช้สีกันไฟที่มีอายุการใช้งานยาวนานและไม่ต้องการการบำรุงรักษาบ่อยๆ โดยตรวจสอบกับผู้ผลิตว่าต้องทำการทาสีใหม่เมื่อใด อายุการใช้งานของสีกันไฟมีผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว หากสีกันไฟมีอายุการใช้งานที่สั้นก็อาจต้องมีการทาสีซ้ำบ่อยครั้ง

5. วิธีการทาและความหนาของชั้นสี

การเลือกสีกันไฟที่เหมาะสมควรพิจารณาวิธีการทาสีและความหนาที่ต้องการ โดยสีกันไฟชนิดพองตัวมักต้องการความหนาของชั้นสีที่มากกว่าสีกันไฟชนิดไม่พองตัว เพื่อให้สามารถป้องกันไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ การทาสีกันไฟควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในการทาสีกันไฟ

6. พิจารณาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสีกันไฟก่อนการเลือกซื้อและติดตั้ง เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบการทาสีว่ามีการดำเนินการตามมาตรฐานและคำแนะนำของผู้ผลิตหรือไม่

ประโยชน์ของการใช้สีกันไฟในงานโครงสร้าง

ประโยชน์ของการใช้สีกันไฟในงานโครงสร้าง

การใช้สีกันไฟให้ประโยชน์ในหลายด้าน โดยเฉพาะในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับโครงสร้างและผู้ที่อยู่ในอาคาร

  1. ปกป้องโครงสร้างจากความเสียหายหากเกิดไฟไหม้ สีกันไฟช่วยลดความเสียหายจากไฟ โดยทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความร้อนเข้าสู่โครงสร้างโดยตรง ทำให้โครงสร้างไม่เสื่อมสภาพหรือพังทลายเร็วเมื่อเจอไฟ
  2. เพิ่มเวลาในการอพยพหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ สีกันไฟช่วยยืดเวลาในการทนทานต่อความร้อนของโครงสร้าง ทำให้ผู้คนมีเวลาในการอพยพออกจากอาคารได้มากขึ้น ช่วยลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน
  3. ลดการลุกลามของไฟ สีกันไฟช่วยลดการลุกลามของไฟจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในอาคาร ทำให้เพลิงไหม้ไม่ขยายวงกว้างเกินไป ช่วยให้การควบคุมเพลิงทำได้ง่ายขึ้น
  4. เสริมความปลอดภัยให้กับอาคาร การใช้สีกันไฟในอาคารช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ โดยเฉพาะในอาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง
  5. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การใช้สีกันไฟที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมโครงสร้างที่เสียหายจากไฟ ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและการทำลายทรัพย์สินในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้

มาตรฐานของสีกันไฟ

การเลือกใช้สีกันไฟที่มีคุณภาพต้องคำนึงถึงมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเพื่อให้มั่นใจว่าสีสามารถป้องกันไฟได้จริง มาตรฐานสำคัญที่ควรตรวจสอบมีดังนี้

  • มาตรฐาน BS 476 (อังกฤษ) : มาตรฐานการทดสอบความสามารถในการป้องกันไฟที่ได้รับการยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก มาตรฐานนี้ทดสอบการป้องกันไฟของวัสดุต่างๆ รวมถึงสีกันไฟ
  • มาตรฐาน UL 263 (สหรัฐอเมริกา) : มาตรฐานการทดสอบสีกันไฟของสหรัฐอเมริกา เน้นการทดสอบการทนไฟของวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในอาคาร
  • มาตรฐาน ASTM E119 (สหรัฐอเมริกา) : เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่ใช้ทดสอบความสามารถในการทนไฟของวัสดุและโครงสร้างอาคาร
  • มาตรฐาน EN 13501 (สหภาพยุโรป) : มาตรฐานการทดสอบวัสดุกันไฟของยุโรป เป็นมาตรฐานที่ใช้ทดสอบสีกันไฟในหลายประเทศและได้รับการยอมรับในวงการก่อสร้าง

สีกันไฟ หรือ สีกันไฟโครงสร้างเหล็ก เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการก่อสร้างและปกป้องโครงสร้างจากความเสียหายที่เกิดจากเพลิงไหม้ การเลือกใช้สีกันไฟที่มีมาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทของโครงสร้างจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคาร เพิ่มความปลอดภัยในการอพยพ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเพลิงไหม้ ควรเลือกใช้สีกันไฟที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันไฟ

อ่านบทความเกี่ยวกับสี : ความแตกต่างระหว่างสี 2K และสี 1K แตกต่างกันอย่างไร?

Share :

Facebook
Email
X

บทความที่เกี่ยวข้อง

สินค้าของเรา

อุปกรณ์พ่นทราย
อุปกรณ์พ่นสี
เครื่องมือวัด QC
ทรายพ่น
ชุด PPE

เลือกอ่าน