
ปัญหาสีพ่นไม่ติด สีพอง และพ่นสีไม่เรียบ เกิดจากอะไร?
เพื่อแก้ไขปัญหาสีพ่นไม่ติดและปัญหาอื่น ๆ ในงานพ่นสีให้ได้ผลจริง ต้องเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาก่อน โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้สีพ่นลอก หรือพ่นสีไม่เรียบ มีดังนี้
- ขาดการเตรียมพื้นผิวก่อนพ่นสี : มีการสะสมของคราบสนิม น้ำมัน หรือฝุ่น ทำให้สีไม่เกาะ
- ความชื้นสูง : มักเกิดขึ้นกับวัสดุบางประเภท เช่น คอนกรีตหรือไม้ เมื่อไม่มีการวัดความชื้นก่อนทำให้สีพ่นพอง และสีไม่สามารถเกาะผิวได้
- ความหนาของฟิล์มสี : ระดับของฟิล์มสีไม่เหมาะสม เช่น พ่นหนาเกินไปทำให้สีแตก หรือพ่นบางเกินไปจนการยึดเกาะได้ไม่ดี
- การเลือกเครื่องพ่นสี : การเลือกเครื่องพ่นสีไม่เหมาะสมกับประเภทงาน เช่น ระดับแรงดันไม่พอ ทำให้ฟิล์มสีไม่เรียบ หรือแรงดันไม่คงที่ทำให้ฟิล์มสีไม่สม่ำเสมอ
- สภาพแวดล้อม : การพ่นสีในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการพ่นสี เช่น ความร้อนจัด ความชื้นสูง หรือมีลมแรง หากเป็นการทำงานร่วมกับเครื่องพ่นสีที่มีประสิทธิภาพแรงดันไม่เหมาะสมยิ่งส่งผลต่อการยึดเกาะของสี
อ่านบทความที่น่าสนใจ : สีพ่นอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท? ใช้แบบไหนให้เหมาะกับพื้นผิว
วิธีแก้ปัญหาที่พบบ่อยในงานพ่นสีแต่ละประเภท
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาในงานพ่นสี จำเป็นต้องใช้วิธีแก้ไขตรงจุดและแก้จากต้นตอของแต่ละปัญหา เพราะหากไม่ได้แก้จากสาเหตุแม้จะพ่นสีใหม่ก็อาจทำให้เกิดปัญหามากขึ้นได้ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยมีแบ่งได้ 3 ประเภท คือ สีพ่นไม่ติด พ่นสีไม่เรียบ และสีพ่นพอง โดยวิธีแก้ปัญหาสำหรับแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้
1. สีพ่นไม่ติด สีลอก
ปัญหาสีพ่นไม่ติด หรือพ่นติดแล้วสีลอกเป็นแผ่น สาเหตุหลักคือการเลือกใช้สีที่ไม่เหมาะกับวัสดุหรือพื้นผิว การตั้งค่าแรงดันจากเครื่องพ่นสีอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้อง และขาดการเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับงานพ่นสี โดยแนวทางแก้ปัญหาสีพ่นไม่ติดสามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ทำความสะอาดพื้นผิวหรือวัสดุที่ต้องการพ่นสี หากเป็นโครงสร้างหรือโลหะเหล็กควรผ่านการทำความสะอาด และกำจัดคราบสนิม หรือสีเก่าด้วยการพ่นทราย เพื่อเปิดผิววัสดุและเพิ่มการยึดเกาะ
- เลือกสีที่เหมาะกับผิวของโครงสร้างหรือวัสดุ เช่น สีพ่นโพลียูริเทน สำหรับงานโครงสร้างเหล็กภายนอก หรือสีพ่นอีพ็อกซี่ สำหรับงานโครงสร้างเหล็กภายใน การเลือกสีที่เหมาะกับงานจะช่วยยืดอายุของสีไม่ให้หลุดลอกเร็วเกินไป
- เลือกใช้เครื่องพ่นสีที่มีคุณสมบัติในการปรับระดับแรงดันได้คงที่ เพื่อให้ได้ฟิล์มสีที่เรียบเนียนและสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้เครื่องพ่นสีที่เหมาะกับประเภทของสีพ่น เช่นเครื่องพ่นสี WIWA DUOMIX 333 GXที่สามารถใช้ในงานพ่นสี 2K ที่มีความหนืดสูง สำหรับงานพ่นสีอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
2. สีพ่นพอง สีเป็นหลุม
บางครั้งหลังพ่นสีแล้วมองเห็นสีพ่นพองบวม มีฟองอากาศ หรือบางกรณีอาจมองเห็นสีเป็นหลุม ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากความสกปรกของผิว เช่น น้ำมันและความชื้น การอบสีเร็วเกินไป และการใช้สีที่เสื่อมสภาพ หมดอายุการใช้งาน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดฟองอากาศได้ง่าย ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาสีพ่นพองทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ทำความสะอาดพื้นผิว เพื่อลดการสะสมของความชื้น คราบน้ำมัน และควรใช้เครื่องวัดความชื้น สำหรับตรวจวัดความชื้นในอากาศและจุดน้ำค้างซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญหลังจากทำความสะอาดและขัดผิวด้วยวิธีพ่นทรายเรียบร้อยแล้ว
- ก่อนทำการอบชิ้นงาน ควรมีระยะเวลาในการทิ้งชิ้นงานให้แห้งเพื่อให้ตัวทำละลายระเหยได้เต็มที่
- ตรวจสอบวันหมดอายุของสี และจัดเก็บสีในที่แห้งและเย็นเพื่อรักษาคุณภาพของสีให้พร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ
3. สีพ่นไม่เรียบ
ปัญหาสุดท้ายที่พบบ่อยคือ พ่นสีไม่เรียบ มีรอยคลื่นหรือพื้นผิวขรุขระ ได้ชิ้นงานที่ไม่สวยงาม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สีไม่เรียบคือทำความสะอาดผิวของวัสดุไม่ดีพอ การพ่นสีที่หนาหรือบางเกินไป การปรับระดับแรงดันที่สูงเกินไป และระยะห่างของปืนพ่นกับชิ้นงานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาพ่นสีไม่เรียบมีดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดพื้นผิวด้วยเครื่องพ่นทรายก่อนเริ่มงานพ่นสีทุกครั้ง
- ควรมีชิ้นงานทดลองหากไม่แน่ใจในระดับแรงดันและระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชิ้นงานจริง
- ตรวจวัดความหนาสีสำหรับวัสดุและพื้นผิวแต่ละประเภท เพื่อให้รู้ถึงระดับความหนาของฟิล์มสีที่เหมาะสม ลดปัญหาฟิล์มสีหนาหรือบางเกินไป

แนะนำเครื่องวัดความหนาสี Defelsko PosiTector 200 จาก INTEG
เพิ่มประสิทธิภาพในงานพ่นสีให้เรียบเรียน ด้วย เครื่องวัดความหนาสี Defelsko PosiTector 200 สำหรับใช้วัดความหนาสีสำหรับคอนกรีต ไฟเบอร์กลาส และพลาสติก ด้วยเทคโนโลยี Ultrasonic ที่สามารถวัดความหนาสีได้โดยไม่ทำลายพื้นผิว สามารถบอกค่าความหนาสีแต่ละชั้นได้แม่นยำ ลดความผิดพลาดในงานพ่นสีอุตสาหกรรม และช่วยเพิ่มคุณภาพงานพ่นสีให้มีชั้นเคลือบที่ได้มาตรฐานสูงสุด
ดูรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ : เครื่องวัดความหนาสี Defelsko PosiTector 200
ตารางเปรียบเทียบปัญหาและแนวทางแก้ไขงานพ่นสี
ตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้จะช่วยให้ทราบถึงปัญหาในงานพ่นสีแต่ละประเภท ทั้งสาเหตุและแนวทางแก้ไขได้ชัดเจนมากขึ้น
| ปัญหา | สาเหตุหลัก | แนวทางแก้ไข |
| สีพ่นลอก | พื้นผิวไม่สะอาด คราบน้ำมัน/สนิม | ทำความสะอาด พ่นทราย ตรวจความชื้นก่อนพ่น |
| สีพ่นพอง | ความชื้น/ก๊าซในวัสดุ | ใช้เครื่องวัดความชื้น ควบคุมสภาพแวดล้อม |
| สีพ่นไม่เรียบ | เครื่องพ่น/แรงดันไม่เหมาะ | ใช้ Airless Spray คุมแรงดัน และตรวจความหนาฟิล์มสี |

จบทุกปัญหาสีพ่นไม่ติด แค่เข้าใจสาเหตุและแนวทางแก้ไข
การแก้ไขปัญหาสีพ่นไม่ติด สีพอง หลุดลอก หรือพ่นสีไม่เรียบ สามารถแก้ไขได้ แค่ให้ความสำคัญกับขั้นตอนของการเตรียมพื้นผิวด้วยการทำความสะอาด การพ่นทราย และยังสามารถเพิ่มคุณภาพในงานพ่นสีได้ด้วยการวัดความชื้นและความหนาสี ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้ได้งานสีตามมาตรฐานในระดับมืออาชีพแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาหลังพ่นสีได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
สำหรับท่านที่ต้องการควบคุมมาตรฐานงานพ่นสีให้มีคุณภาพ ลดการเกิดปัญหาสีพ่นไม่ติด หลุดลอกง่าย และปัญหาในงานสีที่พบบ่อยอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์พ่นสี และเครื่องมือวัด QC ในงานพ่นสี และงานพ่นทรายได้จาก ทีมงานอินเทค เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับงบประมาณ และงานพ่นสีอุตสาหกรรมที่ท่านต้องการได้มากที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- Line: integth
- Facebook: Integ จำหน่ายเครื่องพ่นสี เครื่องพ่นทราย มาตรฐานสากล
- Tel. 098-798-8539
- Email: Integ_04@integ.co.th
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาสีพ่นไม่ติด (FAQ)
Q : ทำไมสีพ่นถึงหลุดง่ายแม้ใช้สีคุณภาพดี?
A : ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการไม่เตรียมพื้นผิวให้อยู่ในสภาพที่พร้อมต่อการพ่นสี และขาดการตรวจวัดความชื้นของสภาพแวดล้อม
Q : เครื่องวัดความหนาสีจำเป็นหรือไม่?
A : จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมคุณภาพให้ตรงตามสเปกและมาตรฐานที่กำหนด ลดปัญหางานพ่นสี
Q : สีพ่นพองแก้ไขได้อย่างไร?
A : ขัดหรือลอกสีส่วนที่พองหรือเสียหายออกให้หมด ทำความสะอาดและเตรียมพื้นผิวก่อนทำสีใหม่ ที่สำคัญคือตรวจสอบความชื้นก่อนพ่นสี



